คาร์ซัมย์ เปิดตัว คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ในประเทศไทย

สถาบันฝึกอบรมการตรวจสภาพยานยนต์แห่งแรกนี้ จะช่วยยกระดับทักษะด้านเทคนิคยานยนต์ให้ชาวไทย

กรุงเทพฯ, 7 เมษายน พ.ศ. 2565 Carsome แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัว คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่สถาบันพัฒนาทักษะและศักยภาพแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาด้านเทคนิคเฉพาะทางและความก้าวหน้าด้านอาชีพแก่เยาวชนไทย ซึ่งเป็นแนวคิดริเริ่มที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของคาร์ซัมย์ ในการต่อยอดความสำเร็จในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้พัฒนาไปอีกขั้น โดยสถาบันคาร์ซัมย์ อะคาเดมี่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค พระโขนง

คาร์ซัมย์ เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์มือสองครบวงจรแห่งแรก ที่นำเสนอหลักสูตรที่พัฒนาทักษะและศักยภาพในการตรวจสภาพรถยนต์ ซึ่งได้รับการรับรองในประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยหลักสูตรที่ครอบคลุมของ คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้ จะได้รับทักษะเฉพาะทางด้านเทคนิคต่างๆ และประสบการณ์การลงมือปฏิบัติจริง ที่จำเป็นต่อการเป็นผู้ตรวจสภาพรถยนต์ และผู้ประเมินราคามืออาชีพ ซึ่งจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ

ผู้ร่วมก่อตั้ง คาร์ซัมย์ และประธานกรรมการบริหาร คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ จุน อี ทีโอ มุ่งมั่นที่จะขยายสถาบันคาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาค ต่อยอดจากความสำเร็จในประเทศมาเลเซีย “ความสำคัญของการศึกษาในรูปแบบ TVET (การศึกษาด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา) มักถูกมองข้าม หรือไม่ได้รับความใส่ใจเท่าที่ควร การเปิดตัวสถาบัน คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ในครั้งนี้จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเราจะมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแรงงาน ผ่านการฝึกอบรมและการประเมินที่ได้รับการรับรอง และเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม ด้วยการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ดีที่สุด เพื่อให้เยาวชนไทยที่สนใจสามารถต่อยอดอาชีพทางด้านยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้เชิงรุกแบบดิจิทัล และการประเมินผลแบบเรียลไทม์ จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้เยาวชนไทยสามารถเข้าถึงและสำเร็จหลักสูตรได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย” ทีโอกล่าว

คาร์ซัมย์มุ่งหวังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวกให้สังคมไทย ด้วยการส่งเสริมเยาวชน พร้อมปูทางให้พวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่สายอาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการก่อตั้งสถาบันคาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งนี้จะช่วยวางมาตรฐานความเป็นมืออาชีพและจริยธรรม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น ผู้จบการศึกษาจากหลักสูตรจะได้รับใบประกาศนียบัตร ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ร่วมงานกับคาร์ซัมย์ ถือเป็นการสนับสนุนแรงงานเหล่านี้ให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต

หลักสูตรอบรมการตรวจสภาพยานยนต์ของ คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ได้รับการยอมรับ และรับรองอย่างถูกต้อง จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สช.) “หลักสูตรการอบรมตรวจสภาพยานยนต์ระดับมืออาชีพนี้ ถือเป็นหลักสูตรแรกที่ได้รับการจดทะเบียนและรับรองโดยสช. เราหวังว่าหลักสูตรดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทักษะทางเทคนิคด้านยานยนต์ และเพิ่มโอกาสทางด้านอาชีพให้แก่คนไทยมากยิ่งขึ้น” นายพีรศักดิ์ รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าว

ปัจจุบัน สถาบันคาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ เปิดสอนหลักสูตรอบรมการตรวจสภาพยานยนต์ (Motor Vehicle Inspection, MVI) โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 90,000 บาท ซึ่งจะผสานการฝึกอบรมความรู้ทางด้านทฤษฎีและฝึกฝนการปฏิบัติจริง ณ ศูนย์ตรวจสภาพรถของคาร์ซัมย์ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมยังสามารถเลือกเรียนรู้ทฤษฎีทางเทคนิคต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย

หลักสูตรนี้เปิดสำหรับเยาวชนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นอย่างต่ำ ผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตร MVI จะสามารถพัฒนาองค์ความรู้ทางเทคนิคและทักษะที่สอดคล้องกับคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพ สำหรับผู้ประเมินรถยนต์ระดับ 3 และ 4 ตามที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) กำหนด

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดตัว คาร์ซัมย์ อะคาเดมี่ ในประเทศไทย ผู้เข้าร่วมฝึกอบรม 25 คนแรกที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับทุนการศึกษาที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของหลักสูตร ผ่านโครงการCarsome Talent Inspector Bootcamp ช่วยให้ผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกสามารถเริ่มต้นก้าวสู่อาชีพที่ใฝ่ฝันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสทางการศึกษาและความก้าวหน้าทางด้านอาชีพแก่ผู้มีความสามารถทั่วภูมิภาค เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้แล้วเติบโตแบบก้าวกระโดด และช่วยพัฒนาด้านการบริการลูกค้าของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” ทีโอ กล่าวเสริม